ตอบข้อสงสัยสารสกัดเซซามิน Sesamin
ถาม : สารสกัดเซซามินได้จากงาดำเพียงอย่างเดียว?
ตอบ : ไม่ใช่งาดำเพียงอย่างเดียว แต่มีงาขาว งาแดง ยกเว้นงาขี้ม้อนไม่ใช่งาแต่ลักษณะตัวมันเหมือนงา และมีการทำวิจัยแล้วพบว่าไม่มีสารเซซามิน
ถาม : เมื่อทราบว่าในงาชนิดต่างๆมีเซซามินเราเอางามารับประทานได้เลยไหม?
ตอบ : ได้แต่ประสิทธิภาพไม่เหมือนทานแบบสกัดแล้วเช่น เอมมูร่า เซซามิน เพราะการทานงาต้องไปทำให้สุกและบดเป็นผงละเอียดเพราะเมล็ดงามีความแข็งมาก และพอไปทำให้สุกโดยการคั่วก็ต้องไม่ให้ไหม้ เพราะถ้าไหม้โปรตีนในงาจะกลายเป็นสารที่เรียกว่า Pyrolysate
เอมมูร่า เซซามิน ไม่ได้ทำจากงาเพียงอย่างเดียวแต่มีส่วนผสมจากรำข้าวสีนิลและแป้งข้าวขาวหอมมะลิ
จากงานวิจัยพบว่าเมื่อเอาเซซามินเข้าไปกระตุ้นเซลล์ต้นกำเนิดมันก็จะแบ่งตัวได้ระดับหนึ่ง ถ้าเอารำข้าวไปสกัดแล้วกระตุ้นเซลล์ต้นกำเนิดมันก็จะแบ่งตัวได้ระดับหนึ่ง ถ้าเรานำสารสกัดทั้งสามอย่างมารวมกันในอัตราส่วนจำเพาะอัตราส่วนที่ดีที่สุดมันก็จะกระตุ้นได้สูงสุด
ดังนั้นการทานเอมมูร่า เซซามิน จึงไม่เหมือนทานงาทั่วๆไปและน่าจะดีกว่าในแง่ของการไปกระตุ้นเซลล์ต้นกำเนิด ซึ่งเราก็สามารถอนุมานได้ว่า ทำให้คุณภาพการตอบสนองต่อร่างกายดีกว่าการใช้งาอย่างเดียวหรือรำข้าวอย่างเดียว
ถาม : ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมส่วนใหญ่มีราคาแพงคนไม่มีกำลังเงินเพียงพอเลือกทานน้ำมันงาหรือผงงาได้หรือไม่
ตอบ : ได้ครับแต่ไม่ดีเท่าเรื่องราคาก็น่าสนใจ เราต้องเข้าใจอันแรกว่ากระบวนการผลิตเป็นอย่างไรมันยุ่งยากซับซ้อนขนาดไหน สองกระบวนการตลาดเป็นอย่างไร และสามเนื่องจากเราเป็นคนไทยจึงมีความรู้สึกว่าแพงแต่ถ้าเทียบกับสินค้าที่มาจากต่างประเทศถือว่าถูกมากเปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์ที่เหมือนกันมากเลย แต่สารสกัดจากตัวของต่างประเทศนำเข้ามามีราคาแพงกว่าถึง 3-5 เท่า ขณะเดียวกันเปรียบเทียบเม็ดต่อเม็ด คนทานยี่ห้ออื่น 2 เม็ด อีกคนทานเอมมูร่า เซซามิน 2 เม็ด ปริมาณเท่ากัน เพศเดียวกัน แลัววัดปริมาณของสารกระตุ้นอินเตอร์ลิวคินของเราได้มากกว่า
ถาม : ทำไมเราไม่ควรทานงาเกิน 4 ช้อนโต๊ะต่อวัน
ตอบ : มักท้องเสียเพราะมีไฟเบอร์ค่อนข้างเยอะแต่ไม่แน่นอนเสมอไปเพราะกระบวนการย่อยของแต่ละคนต่างกัน
ถาม : เซซามิน สะสมในร่างกายไหม?
ตอบ : เซซามินมี Half Life ประมาณ6-8 ชั่วโมงหมายความว่าทานเข้าไปประมาณ 6 ชั่วโมงจะลดลงเหลือครึ่งหนึ่งและมีการยืนยันทางวิทยาศาสตร์แล้วว่าเซซามินไม่มีสารตกค้างในร่างกายถ้าทานในปริมาณ 50 มก.ไม่มีการสะสมในร่างกายและจะถูกขับออก เราต้องรู้ว่าสิ่งที่เราทานเข้าไปนั้นเรากำลังทานอะไรรู้ส่วนผสมสำคัญและกลไกการออกฤทธ์